“มุลาอิ” หรือ “มอละอิ” หรือ “เมาะเลาะอิ” 2019
มุลาอิ : Mulayit Taung ยอดเขาแห่งศรัทธา in Green Season
ยอดเขามุลาอิ อยู่ในจังหวัดเมียวดี พม่า ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 40 กม. มีพระธาตุเจดีย์บนยอดเขา ตั้งอยู่กลางหุบเขา เราควรเคารพตามกติกา ความเชื่อของคนในสถานที่
มาจ้ามา...หน้าร้ายจะพาเที่ยวกลับมาแล้วคิดถึงเค้ากันไหมห่างหายไปนานไมไ่ด้มาเลย มารอบนี้ขออัพเดทที่เที่ยวที่เพิ่งไปมาแล้วกันเนอะ รอบนี้เดินทางฉายเดี่ยวแบบหารเฉลี่ย ไปแบบตัวคนเดียวแบกเป้ไปเองกันเลยวัดใจ ที่ๆจะไปคือ มุลาอิ อยุ่ในประเทศพม่า ชายแดนพม่า เราเริ่มเดินทางจาก บิ๊กซีสะพานควายนั่งรถตู้ยาวมาเช้าที่ตาก อ.พบพระ เพื่อที่จะนั่งรถต่อข้ามไปฝั่งพม่า ส่วนตอนนี้มาเอาหน้าไปดูก่อนเผื่อลืมหน้ากันเนอะ อิอิ
เช้านี้ที่พบพระหลังจากนั่งรถตู้มาเกือบ7ชั่วโมงแต่ตื่นมาเจอหมอกแน่นๆอากาศเย็นๆ ก็สดชื่นจังเลย
รอบนี้ที่ไปรถตู้ 2 คันทั้งหมด18คน หัวหน้าคณะคือมิวชายหนุ่มผู้ชอบท่องเที่ยวและจัดทริปขึ้นมานั่นเองและเราก็ผีผลักคุยไปคุยมาโอนมัดจำสะงั้น ฮ่าๆๆๆๆ เอ้าเว้ยไปก็ไปลองดู ว่าแล้วเตรียมพร้อมเราก็ไปต่อกันจ้า
ข้ามด่านบ้านวาเลย์ พบพระแล้วนั่งรพ 4Wd ไปกับคนนำทาง รถแล่นไปตามทางแดง จนเข้าทางภูเขาแคบและชันราว ๆ อีก 2 ชม.ก็ถึงวัดที่อยู่ด้านบนเขามูลาอิ ด่านข้ามแดนเป็นด่านทหาร ข้ามไปได้ เลยโดยใช้บัตรประชาชน
แม่น้ำและทางที่เราต้องไปกัน 3 ชั่วโมงก็จะประมาณนี้ละค่ะ บอกได้คำเดียวว่าเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหม๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ลงจากรถทีตะคริวจะกิน เมื่อยจนไม่รู้จะเมื่อยยังไง แต่ก็สนุกไปอีกแบบ และคนขับก็พาแวะหมู่บ้านชาวบ้าน
บรรยากาศของหมู่บ้านที่เราแวะกันระหว่างทาง ก็ยังเป็นธรรมชาติมากๆๆๆๆๆ
มีเสื้อผ้ามีน้ำอัดลมมีมาม่าขายด้วยนะคะ เด็กพม่าก็มีเสน่ห์มาก น่ารักสดใสตามวัย นี่แหละคือการเรียนรู้ การได้รับรู้ของการเดินทางไปจ้าไปกันต่อ ยังไม่หายเมื่อยหรอกแต่เราต้องไปกันต่อแล้ววววว ลุยยยย
คนขับรถจอดและบอกว่า ที่พักตรงนี้ เป็นที่สุดท้ายที่จะให้ชำระล้างร่างกาย อาบน้ำ ปะทานาคา ซึ่งคนพม่าทุกคนก่อนจะขึ้นพระธาตุ คนพม่าจะแวะอาบน้ำล้างหน้าล้างตา กันจุดนี้เป็นจุดสุดท้าย
ก็นั่นแหละจ๊ะ....เราเองก็ไม่พลาดไปๆๆขูดๆๆๆทาๆๆๆๆเอาก่ะเค้าสะหน่อยเนอะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เสร็จแล้วก็ไปกันต่อเนอะ ยังจ้ายังไม่ถึงแวะมา 2จุดละยังไม่ถึงสะที ว่าแล้วก็ไปกันต่อเนอะ
จุดชมวิวก่อนที่เราจะขึ้นไปพระธาตุ อากาศไม่เย็นแดดนี่เปรี้ยงกันเลยทีเดียวเชียว ฮ่าๆๆ แต่ความสูงขอบอกเลยว่าคนที่กลัวความสูงถึงกับขาสั่นกันเลยบอกตรงๆ ว่าวิวชนะใจมากกกกกกกกก ถ่ายกันพอหอมปากหอมคอแล้วเราก็ไปกันต่อดีกว่าเนอะ
และเราก็มาถึงกันแล้วววววววววววววววจุดที่รถจอดและส่งสัมภาระให้เราต้องเดินกันต่อไปจากนี้
และนี่ก็คือแก๊งคคนแปลกหน้าที่หน้าร้ายเองก็ไม่ได้รู้จักใครเลยแต่เชื่อว่าเรารักในธรรมชาติเหมือนกันแน่นอนว่าแล้วก็เดินไปยังจุดกางเต้นท์กันดีกว่า ว่าแล้วก็ไปกันเถอะ ลุยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เสื้อผ้าหน้าผม หมวก ผ้าบัป เตรียมมาให้ครบนะจ๊ะ เพราะว่า แดดค่อนข้างร้อนและฝุ่นค่อนข้างเยอะ ยังไงเตรียมติดมาไว้ดีกว่านะจ๊ะ
ไปจ้าไป ไปกันต่อเรื่อยๆ เหนื่อยเราไม่เหนื่อย เมื่อยเราไม่เมื่อย เราไม่เหนื่อยเราไม่เมื่อย ฮ่าๆๆๆๆ สูดอากาศพร้อมวิวอันสดชื่นจะได้หายเหนื่อยกันนะจ๊ะ
แล้วเราก็มาถึงจุดกางเต้นท์กันแล้ว บอกเลยว่าเหมือนเดินใกล้ๆแต่เล่นเอาหอบเหมือนกันแต่สำหรับคนที่เดินป่าเก่งแบบสายป่าอาจจะชิวมากกกกก็ได้ เพราะเดินไม่ไกลมาก แต่สำหรับเราแล้วก็เหนื่อยเลยนะ ฮ่าๆๆๆ อาจจะด้วยไม่ได้วิ่งไม่ได้วอร์มขามาก่อนเลย มาด้วยใจล้วนๆ ฮ่าๆๆๆๆ
วิวระหว่างทาง...และที่พีคกว่านั้นคือออออออ เราจะเดินไปพระธาตุกัน แต่ทางเดินคือต้องเดินกลับไปตรงจุดที่รถเอาเรามาปล่อยก่อนมาจุดกางเต้นท์ ฮ่าๆๆๆๆ แล้วเดินย้อนไปอีกทางเพื่อขึ้นพระธาตุนั่นเองจ้า แม่เจ้าาาาาาาาาาา แต่ไม่เปนไรรอบนี้เดินกลับไปตัวเปล่า แล้วไปเดินขึ้นพระธาตุเอาว่ะ มาแล้วนี่ไปสิรออะไร ลุยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ยอดเขามุลาอิ จะมีพระเจดีย์ให้เราสักการะ 2 องค์ โดยผู้หญิงสามารถขึ้นมาสักการะได้แค่พระเจดีย์องค์แรก คือองค์ในรูปนี้ ซึ่งประดิษฐานอยู่ก่อนถึงยอดสูงสุดในระดับต่ำลงมาประมาณ 30-40 เมตร จากระดับน้ำทะเล ส่วนผู้ชายสามารถเดินเลยขึ้นไปสักการะได้ถึงองค์พระธาตุเจดีย์มุลาอิ ซึ่งอยู่บนยอดสูงสุด 2,070 เมตร จากระดับน้ำทะเล
บันไดทางขึ้นพระธาตุซึ่งจะถอดรองเท้าไว้ตรงทางขึ้นและเดินเท้าเปล่าขึ้นไปกันนั่นเองจ๊ะว่าแล้วก็ถอดรองเท้าถุงเท้าและย้ำว่า ผู้หญิงต้องนุ่งผ้าถุงยาวเลยเข่า และผู้ชายก็ต้องใส่กางเกงเลยเข่าเช่นกันนะจ๊ะ
พอขึ้นไปถึงมีที่ใส่น้ำและแก้ววางไว้ให้เพื่อให้ดื่มแก้เหนื่อยกันด้วย เก๋จริงเชียว แต่ที่สำคัญคือ ไม่รู้ว่าจะมีน้ำให้กิน แบกน้ำขึ้นมาเองด้วยจ้า สบายๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ประวัติของพระธาตุมอละอิ ตามประวัติเล่าว่าใน "รัฐมอญ" มีพระเกศาธาตุ (ชาวมอญเรียกว่า "ธาตุศก") จำนวน 15 แห่ง ในจำนวนนั้น "ฤาษีกัปปะ" ได้นำพระเกศาธาตุไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์มอระอิ 1 เส้น และ "ฤาษีนารทะ" อัญเชิญพระเกศาธาตุ 1 เส้น ไปบรรจุไว้ที่มอระอะเจดีย์ บนภูเขาชื่อ "อะโรนะเทนโปดอพญา" เมื่อปี พ.ศ. 114 คำจารึกที่ฐานพระเจดีย์ ทราบว่า "พระเจดีย์มอละอิ" ยกฉัตรเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1154 (พ.ศ.1697) มีรูปปั้นเทวดาทั้งสี่ทิศยืนอยู่ที่เสาหงส์(ที่มา ตามรอยพระพุทธบาทhttp://www.tamroiphrabuddhabat.com/xmb/vi...)
ทางขึ้นไปเจดีย์ด้านบนซึ่งห้าม ผู้หญิงขึ้นไป
มุลาอิ เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาพุทธ ตั้งอยู่ในเขตปกครองกระเหรี่ยง DKBA เป็นสถานที่ศักดิ์ที่ชาวพุทธในพม่าจะไปแสวงบุญ ที่นี่น่าไปเที่ยวไปทำบุญมาก มีทิวทันศ์ที่สวยงาม ด้านบนกินเจอย่างเดียว ห้ามเอาเนื่อสัตว์ขึ้นไปเด็ดขาด มีเจดีย์อยู่ 2 ยอด ยอดบนสุดสูงจากระดับน้ำทะเล 2078เมตร ผู้ชายขึ้นได้เท่านั้น ส่วนผู้หญิงขึ้นได้ยอดล่างต่ำลงมา 20-30 เมตร
สำหรับยอดเขามอละอิ อยู่ในเขต จังหวัดเมียวดี มีพระธาตุเจดีย์ 2 ยอด ด้านบนสุดได้กำหนดไว้เฉพาะผู้ชายห้ามสตรีขึ้น ส่วนพระธาตุเจดีย์รองลงมาเฉพาะสตรี เป็นที่รู้จักของชาวกะเหรี่ยง และเป็นที่ศรัทธา
เนื่องจากมีประวัติความเป็นมาทางด้านความเชื่อ และศาสนา ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวเมียนมา และชาวไทย ต่างไปกราบไหว้พระธาตุเจดีย์ และสถานที่เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ นอกจากการไปชมความสวยงาม บนเขาสูง ที่อยู่ระนาบเดียวกัน และต่างระนาบต่างกัน เสมือนโลกอีกใบหนึ่ง
นี่เป็นภาพที่ถ่ายจากเจดีย์ด้านบนลงมายังเจดีย์ด้านล่าง มีทั้งตอนฟ้าเปิดและมีหมอกปกคลุม
ภาพจากเจดีย์ด้านบนทั้งหมด เซฟมาจากพี่ในกลุ่มผู้ชายที่ได้ขึ้นไปด้านบนนะคะ ^^
และค่ำคืนนี้หลังจากกินข้าวกันเสร็จ ใช่จ้า โชคดีของพวกเราที่ฟ้าเปิดจึงทำให้เราได้เจอช้าง....หรือเรียกกันเต็มๆว่า ทางช้างเผือกที่ใครๆรู้จักนั่นเอง ที่นี่ค่อนข้างเห็นขัดเพราะอยุ่ค่อนข้างสูงและมืดมากพอสมควรในเวลากลางคืน
ลากันไปด้วยดาวเต็มท้องฟ้าแล้วไปชมกันต่อว่าพรุ่งนี้เช้าจะเจอทะเลหมอกกันไหม...ฝันดีจ้า
มอนิ่งจ้าาาาาาาาาาาาาา กาแฟร้อนๆกับดงหมอกกกกกกกที่มองไม่เห็นอะไรในยามเช้ากันเถอะ
พร้อมด้วยผัดหมี่เจ (อ่อ อาหารที่นี่เมื่อขึ้นมาแล้วทานเจได้อย่างเดียวนะจ๊ะ) เพราะฉะนั้นอาหารที่เตรียมขึ้นมาทำมาปรุง แนะนำว่าควรเป็นอาหารเจที่ปรุงง่ายๆจะดีที่สุด เช่นผัดหมี่ซั่วนี่ อร่อยหรือเราหิว ฮ่าๆๆๆ อร่อยจ้าอร่อย
เก็บบรรยากาศกันให้พอใจกันไปเลย สูดอากาศสดชื่นกันให้ปอดชื้นกันไปข้างเชื่อว่ากรุงเทพฯไม่มีให้ได้เสพแน่นอนอากาศเย็นๆ หมอกที่โอบกอดเราไว้รอบตัวขนาดนี้ เชื่อหน้าร้ายเถอะว่า ถ้ามีโอกาศได้ออกไปท่องเที่ยวและยังมีแรงไหว ไปกันเถอะ สักครั้งในชีวิต มันดีอย่างที่ฟังใครก็สู้ไปสัมผัสเองไม่ได้
ขอบคุณวิวดีๆตากล้องดีๆ พี่มิวคนจัดทริปที่ดูแลตลอดการเดินทางและยังถ่ายรูปสวยๆให้อีก รูปนี้ไม่สวยขออีกรอบได้ไหมก็จัดให้ไม่เคยขัด ขอบคุณพี่มิวที่ร่วมให้เดินทางและให้ประสพการณ์ใหม่ๆเพิ่มขึ้นกับการเดินทางร่วมกับคนแปลกหน้าทั้ง 18คนในครั้งนี้ด้วยนะคะ
ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่พยามถามและจะคอยถ่ายรูปให้เสมอเวลาเห็นหน้าร้ายไปยืนถ่ายวิวคนเดียว ขอบคุณมากๆนะคะที่คอยไถ่ถามเสมอ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะถึงแม้จะไม่ค่อยได้คุยด้วยเท่าไหร่เลยได้แต่ส่งยิ้มให้กันไปกันมา ^^
ขอบคุณมากๆสำหรับสาวๆในทริปนี้ทุกคนซึ่งเยอะพอสมควร ขอบคุณทุกคนที่น่ารักคอยถ่ายรูปด้วย คอยถามว่าเป็นยังไง ช่วยกางเต้นท์ ตักข้าวให้ ชวนกินกาแฟ ชวนถ่ายรูปจนเช้าวันนี้ได้รูปสวยๆจากหลายๆกล้องมาทีเดียว ขอบคุณประสพการณ์จากคนแปลกหน้าทั้งหมดทำให้รู้ว่า การเรียนรู้ที่จะอยุ่ร่วมกันกับคนแปลกหน้าจริงๆมันไมไ่ด้ยาก มันทำให้เรามีความสุขกับอะไรตรงหน้าได้มากจริงๆ
สุดท้ายนี้ที่หน้าร้ายอยากจะบอกว่า....ไปเถอะค่ะออกเดินทางเพื่อตัวเราเอง ไม่ว่าวันนี้เราจะมีใครหรือไม่มีใครแต่สิ่งนึงที่เราต้องมีคือ รักตัวเอง หาความสุขให้ตัวเอง เพราะสิ่งเหล่านี้นอกจากตัวเราเอง เราไม่สามารถหาจากใครได้ และไม่สามารถขอจากใครได้...ไปค่ะไปกัน ไปเที่ยวกันหน้าร้ายจะพาไป
ปล. ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ ติชมได้เหมือนเดิมนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น